SMEs 4.0 แบบเยอรมนี
ปัจจุบัน SMEs ส่วนมากในประเทศไทย ไม่ได้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 3.0 อย่างเต็มรูปแบบ ยังคงมีระบบการผลิตอยู่ในระดับ 2.0 หรือ 2.5 จึงนำไปสู่คำถามสำคัญว่า ควรข้ามขั้นไปสู่ระดับ 4.0 หรือควรพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ปัจจุบัน SMEs ส่วนมากในประเทศไทย ไม่ได้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 3.0 อย่างเต็มรูปแบบ ยังคงมีระบบการผลิตอยู่ในระดับ 2.0 หรือ 2.5 จึงนำไปสู่คำถามสำคัญว่า ควรข้ามขั้นไปสู่ระดับ 4.0 หรือควรพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ทักษะด้านดิจิทัลมีความสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน อย่างไรก็ดี จากการจัดอันดับความสามารถในการสร้างบุคลากรเพื่อตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจ World Talent Report โดยสถาบัน IMD พบว่าในปี 2017 ประเทศไทยตกมาอยู่ในอันดับที่ 42 จากเดิมในปี 2016 อยู่ในอันดับที่ 37 ดังนั้นประเทศไทยจำเป็นต้องเร่งพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะและความสามารถสอดรับกับความต้องการของภาคธุรกิจในอนาคต
การเพิ่มผลิตภาพแรงงานเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ และส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของประชากรผ่านรายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรที่เพิ่มขึ้น แต่กลับพบว่าช่องว่างระหว่างการเพิ่มผลิตภาพแรงงานกับผลตอบแทนแรงงานมากขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องทำการศึกษาสัดส่วนผลตอบแทนของแต่ละปัจจัยการผลิตแต่ละชนิด ซึ่งมีความแตกต่างกันไปในแต่ละอุตสาหกรรม
เทคโนโลยี I4.0 จะทำให้อุตสาหกรรมเติบโตและมีผลิตภาพสูงขึ้นอย่างมาก จากต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง และประสิทธิภาพที่สูงขึ้น และยังส่งผลต่อภาคเศรษฐกิจอื่น ๆ รวมถึงการให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ ดังนั้นการเปลี่ยนผ่านสู่ I4.0 จะต้องมีการกำหนดเป้าหมาย และวางแผนเตรียมพร้อมที่เหมาะสม โดยเฉพาะเตรียมบุคลากรที่มีความรู้และทักษะเพียงพอที่จะใช้เทคโนโลยีได้ในที่สุด
เป็นกรณีตัวอย่างในการใช้หลักการจัดการความรู้ (Knowledge Management; KM) เพื่อพัฒนาบุคลากรให้มีความสามารถเพิ่มขึ้น และสามารถพัฒนาผลงานให้มีประสิทธิภาพ มุ่งสู่เป้าหมายในการพัฒนาองค์กรให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization) เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
เป็นกรณีตัวอย่างในการประยุกต์ใช้เครื่องมือการบำรุงรักษาทวีผลที่ทุกคนมีส่วนร่วม (Total Productivity Maintenance; TPM) เพื่อลดความสูญเสียในการบวนการผลิต ทำให้เครื่องจักรสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและพร้อมใช้งานอยู่เสมอ โดยพนักงานทุกระดับมีส่วนร่วมด้วยการทำกิจกรรมกลุ่มย่อย
ไต้หวันได้ให้มุมมองการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ว่าจะเป็นกลยุทธ์สำคัญในการยกระดับผลิตภาพในบริบทใหม่ เนื่องจากกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรม 4.0 จะมีความชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งช่วยให้สามารถผลิตสินค้าและบริการที่มีความหลากหลายแตกต่างตามความต้องการของลูกค้าเฉพาะรายโดยใช้แรงงานคนน้อยลง สอดคล้องกับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศ ดังนั้น อุตสาหกรรม 4.0 ในไต้หวันจึงใช้ชื่อเรียกว่าผลิตภาพ 4.0 (Productivity 4.0)